โรคไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ด้วย “วัคซีน”
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza Virus) และสามารถแพร่ระบาดได้ทั่วโลก ติดต่อง่าย เป็นได้กับทุกเพศทุกวัย สาเหตุเพราะการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายอยู่ในฝอยละอองที่ปนเปื้อนมาในอากาศจากการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนกับเชื้อโรค มีการระบาดมากในช่วงเปลี่ยนฤดู
เมื่อใดที่ต้องมาพบแพทย์
อาการป่วยของโรคไข้หวัดใหญ่จะดีขึ้นภายใน 3 - 4 วัน และหายเป็นปกติใน 1 - 2 สัปดาห์ หากมีอาการปวดศีรษะ ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ อาจมีการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย แต่ในเด็กเล็กหรือเด็กทารกจะพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาแดงได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ และมีไข้สูงตั้งแต่ 38 - 40 องศาเซลเซียส ถ้าไข้สูงควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อลุกลามไปหู, ไซนัส, ปอด และอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมได้ นอกจากนี้อาจทำให้ผู้มีโรคประจำตัวมีอาการแย่ลงได้
- ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด หอบหืด เบาหวาน มะเร็ง ฯลฯ
- ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ
- ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอด
- กลุ่มเด็กเล็ก
- พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ถูกหลักและถูกสุขอนามัย
- เมื่อมีอาการป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- ใช้ผ้าหรือกระดาษปิดปากและจมูก เมื่อไอหรือจาม
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย และสถานที่แออัด
- ประชาชนทั่วไปควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันทุกปี เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อาจเกิดโรคแทรกซ้อนหรือมีอาการไข้หวัดใหญ่รุนแรงได้
สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ มุกดาภรณ์ พิชญ์พัฒนะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. Call Center 1745